"มวยไทย" เจาะตลาด จีน ได้สำเร็จ จัดตั้งศูนย์ฝึกซ้อมเพื่อเผยแพร่ไปทั่วโลก หลัง 3 องค์กรหลัก สภามวยไทยโลก, สหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ และ สมาคมวูซูแห่งประเทศจีน จับมือลงนามร่วมกัน เพื่อโอกาสบรรจุสู่โอลิมปิกเกมส์ในอนาคต
"บิ๊กเหวียง" พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ประธานสภามวยไทยโลก ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธานสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ มร.เกา เสียวจูน ประธานสมาคมวูซูแห่งประเทศจีน และ มร. โจ จินเปียว ผู้อำนวยการศูนย์กีฬามวยไทยในจีน ร่วมเป็นประธานแถลงข่าวพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ความร่วมมือส่งเสริมกีฬามวยไทยในประจีน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่โรงแรมดิเอม เมอรัลด์ โดยมีผู้แทนจากกระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงการท่องเทียวและกีฬา, กระทรวงการต่างประเทศ รวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องร่วมงานอย่างคับคั่ง
พล.อ.เชษฐา เปิดเผยว่า ในนามสภามวยไทยโลกรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่คณะผู้แทนจากประเทศจีนได้เดินทางมาพบปะกับผู้ใหญ่ในรัฐบาล เพื่อหาแนวทางพลักดันให้กีฬาชนิดนี้เป็นที่นิยมแพร่หลายในเมืองจีนมากขึ้น หลัง มวยไทย กับ วูซู มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนานไม่แพ้กัน นับว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ทั้ง 2 องค์กรจะจับมือร่วมกันเพื่อพัฒนากีฬาทั้ง 2 ชนิดนี้ให้เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลกโดยเฉพาะมวยไทยหลังได้รับการบรรจุชิงเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาต่อสู้โลก หรือ "สปอร์ตแอคคอร์ดคอมแบทเกมส์" ครั้งที่ 1 เมื่อปีที่แล้ว ที่ประเทศจีน ประชาชนในท้องถิ่นให้ความสำคัญมากขึ้น เห็นไดมวยไทยไปสอนให้ แต่หลังจากนี้ไปเมื่อทั้งสองประเทศจับมือร่วมกัน เชื่อว่า จะเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อโอกาสในการเข้าสู่กีฬาโอลิมปิกเกมส์ในอนาคต
ดร.ศักดิ์ชาย กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาเราได้พยายามอย่างหนักที่จะพัฒนา "มวยไทย" ไปสู่จีน เพราะมีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคนแต่ไม่สำเร็จ กระทั่งได้มาพบกับคนที่มีความรู้ความสามารถ และรู้จักกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลจีนเป็นอย่างดี จึงได้มีแนวความคิดที่จะเปิดตลาดมวยไทยในจีน พร้อมกับแลกเปลี่ยนด้วยการนำเอา วูซู มาเผยแพร่ในบ้านเรามากขึ้น เพราะกีฬาทั้ง 2 ชนิดนี้มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ หากได้รับการสนับสนุนอย่างถูกต้อง คาดว่า จะได้รับการยอมรับจากประชาชนทั่วโลกมากขึ้น ที่สำคัญในอนาตอันใกล้นี้เราจะไปเปิด "ศูนย์ฝึกมวยไทย" ในประเทศจีน ไล่ตั้งแต่เบกสิกพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคชั้นสูงสุด เพื่อถ่ายทอดศิลปแม่ไม้มวยไทยอย่างถูกวิธีให้กับทุกคน
มร. เกา เสียวจูน เผยว่า เวลานี้ค่ายมวยไทยในจีนมีอยู่ 34 แห่งไล่ตั้งแต่ในโรงเรียนกีฬาและตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ส่วนใหญ่จัดตั้งขึ้นเองเป็นเอกเทศโดยชาวจีน ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่ดูแลด้านมวยของไทย หรือ จีนเนื่องจากขาดข้อมูลเกี่ยวกับขึ้นตอนและวิธีการขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานไทย แต่หลังจากนี้ไปทุกอย่างจะมีขั้นตอนกฏระเบียบมากขึ้น เพื่อพัฒนาให้กีฬาทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นที่ยอมรับของคนทั้งสองประเทศ เนื่องจากมวยไทยเป็นกีฬาที่สามารถป้องกันตัวเองได้ แถมยังทำให้สุขภาพแข็งแรง ที่ผ่านมาคนจีนให้ความสำคัญเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่อได้มีการลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการแบบนี้ เชื่อว่า คนจีนจะหันมาสนใจมวยไทยมากขึ้น ส่วนคนไทยก็จะมานิยมกีฬาวูซูไม่แพ้กัน
"มวยเก่งระดับโลก ต้องต่อยที่อเมริกาเท่านั้น"